วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

กิจกรรมที่ 2 ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์


cr.http://ultimate-computer-sales.webs.com/happey
%20computer%20good.PNG
                 ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์     คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยในทุก ๆสาขาวิชา ดังนั้นโครงงานคอมพิวเตอร์จึงมี ความหลากหลายเป็นอย่างมากทั้งในลักษณะของเนื้อหา กิจกรรมและลักษณะของประโยชน์หรือผลงาที่ได้ซึ่ง อาจแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท คือ
1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)
2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development)
3. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี (Theory Experiment)
4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน (Application)
5. โครงงานพัฒนาเกม(Game Development)
                                                                                             

1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา (Educational Media)
           เป็นโครงงานทีใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษาโดยการสร้างโปรแกรม บทเรียน หรือหน่วยการเรียน ซึ่งอาจจะต้องมีภาคแบบฝึกหัดบททบทวนและคําถามคําตอบไว้พร้อม ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่มการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยนี้ ถือว่าเครื่อง คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์การสอนไม่ใช่เป็นครูผู้สอน ซึ่งอาจเป็นการพัฒนาบทเรียนแบบ Online ให้ นักเรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองก็ได้ โครงงานประเภทนี้สามารถพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ประกอบการ สอนในวิชาต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นสาขา คอมพิวเตอร์ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาสังคมวิชาชีพอื่น ๆ ฯลฯโดยนักเรียนอาจคัดเลือก หัวข้อที่นักเรียนทั่วไปที่ทําความเข้าใจยากมาเป็นหัวข้อในการพัฒนาโปรแกรมบทเรียน ตัวอย่าง เช่น โปรแกรมสอนวิธีการใช้งาน ระบบสุริยะจักรวาล โปรแกรมแบบทดสอบวิชาต่าง ๆ  พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย โปรแกรมช่วยสอนคณิตศาสตร์ เป็นต้น

cr.http://a1.trd.cm/thaisecondhand/201410/03x/10274262_2.jpg

cr.http://www.vcharkarn.com/uploads/81/81257.jpg


2. โครงงานพัฒนาเครื่องมือ (Tools Development) 
         เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเรื่องมือมาใช้ช่วยสร้างงานประยุกต์ต่าง ๆซึ่งโดยส่วนใหญ่จะ เป็นในรูปซอฟต์แวร์ ตัวอย่างของเครื่องมือช่วยงาน เช่นซอฟต์แวร์วาดรูป ซอฟต์แวร์พิมพ์งาน ซอฟต์แวร์ช่วยการมองวัตถุในมุมต่าง ๆเป็นต้นสําหรับซอฟต์แวร์เพื่อการพิมพ์งานนั้นสร้างขึ้นเป็น โปรแกรมประมวลผลภาษาซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เราใช้งานในงานพิมพ์ต่าง ๆบนเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นไปได้โดยง่าย ซึ่งรูปที่ได้สามารถนําไปใช้งานต่าง ๆได้มากมาย สําหรับซอฟต์แวร์ช่วยในการมอง วัตถุในมุมต่าง ๆใช้สําหรับช่วยในการออกแบบสิ่งของต่าง ๆ เช่น โปรแกรมประเภท 3D  โปรแกรมการค้นหาคำภาษาไทย โปรแกรมอ่านอักษรไทย เป็นต้น

cr.https://issaraphorn49.files.wordpress.com/2014/12/2.png
cr.http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/849/16849/images/search4.JPG



3. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎ ี(Theory Experiment) 
          เป็นโครงงานใช้คอมพิวเตอร์ในการจําองการทดลองของสาขาต่าง ๆเป็นโครงงานที่ ผู้ทําต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการข้อเท็จจริงและแนวความคิดต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจําลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสมการ สูตรหรือ คําอธิบายก็ได้ พร้อมทั้งนําเสนอวิธีการจําลองทฤษฎีด้วยคอมพิวเตอร์การทําโครงงานประเภทนี้มี จุดสําคัญอยู่ที่ผู้ทําต้องมีความรู้เรื่องนั้น ๆเป็นอย่างดี ตัวอย่าง เช่น การทดลองเรื่องการไหลของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาอโรวาน่า ทฤษฎีการแบ่งแยกดีเอ็นเอ เป็นต้น 


cr.http://www.krujintana.com/content/picture/project2.jpg

cr.http://4.bp.blogspot.com/-0m3LFbMTAKw/UDM7yiETH4I/AAAAAAAAAPQ/4Uv4qK5pfPU/s320/tell.jpg

4. โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน (Application) 
           เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานจริงในชีวิตประจําวัน โครงงานงานประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์หรืออุปกรณ์ใช้ สอยต่าง ๆซึ่งอาจจะสร้างใหม่หรือปรับปรุงดัดแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นก็ได้ โครงงานลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อนแล้วนําข้อมูลที่ได้มาใช้ในการ ออกแบบ และพัฒนาสิ่งของนั้น ๆต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทํางานหรือทดสอบคุณภาพของ สิ่งประดิษฐ์แล้วปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์โครงงานประเภทนี้นักเรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับ เครื่องคอมพิวเตอร์ภาษาโปรแกรม และเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งอาจใช้วิธีทางวิศวกรรม ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการพัฒนาด้วย  เช่น ระบบจองตั๋วเครื่องบินในอินเทอร์เน็ต ระบบแนะนำเส้นทางการเดินทาง ซอฟต์แวร์สําหรับการออกแบบและตกแต่งอาคาร  ซอฟต์แวร์สําหรับการผสมสี ซอฟต์แวร์สําหรับ การระบุคนร้าย เป็นต้น

cr.https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYg1gSYKWBuWgR3jFyKoKRBAQ4QVsV-N5haAUYWVdm2hrpmmgF8diMHfvKXOe_MM1F-1knhMl3ihwtsQZ2l4OGKshwN9PpYOJwYzdtwBNL4y6dCrPumu_yd0fsEvrzlivx15ReZ6_Vbxx8/s1600/s5.jpg

cr.http://www.etcservice.com/public/products/sketch_up/images/modern.jpg


5. โครงงานพัฒนาเกม (Game Development) 
          เป็นโครงงานพัฒนาซอฟต์แวร์เกมเพื่อความรู้ และ/หรือความเพลิดเพลิน เกมที่พัฒนาขึ้นนี้น่าจะเน้นให้เป็นเกมที่ไม่รุนแรงเน้นการใช้สมองเพื่อฝึกคิดอย่างมี หลักการโครงงานประเภทนี้จะมีการออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์การเล่นเพื่อให้น่าสนใจเก่ผู้เล่น พร้อมทั้ง ให้ความรู้สอดแทรกไปด้วยผู้พัฒนาควรจะได้ทําการสํารวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่าง ๆที่มีอยู่ทั่วไป และนํามาปรับปรุงหรือพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่และน่าสนใจแก่ผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ  เช่น เกมหมากรุก เกมหมาก ฮอส เกมการคํานวณเลข เป็นต้น

cr.https://porsn1977.files.wordpress.com/2012/08/s3.jpg































วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 6 ข้อสอบ 7 วิชาหลัก

Cr.http://image.dek-d.com/contentimg/mint/Admission/December2011/IMG_00034_1.JPG

ข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปี 2555-2557 พร้อมเฉลย

 
Cr.https://fbcdn-photos-f-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpf1/
v/t1.0-0/p261x260/74785_459467347432418_1349926925_n.jpg?oh=1bbe47c37232c18b0215973087090309&oe=56290F43&__gda__=144600
1576_4586c99049fddc339327b399519e81ac

7 วิชาสามัญ คืออะไร และต้องสอบทั้ง 7 วิชาเลยไหม

ตอบ  สทศ. บอกมาว่าเป็นข้อสอบที่ยากกว่า O-NET แต่ง่ายกว่า GAT PAT จัดทำขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาในอดีตที่สมัยก่อนหากเด็ก ม.6 สมัครรับตรง 5 ที่ ก็ต้องวิ่งหัวฟูไปสอบ 5 ครั้ง แต่หากเป็นปีนี้สบายมาก ไม่ว่าจะสมัครกี่ที่ ก็สอบแค่ครั้งเดียวจบ คือ สอบ 7 วิชาสามัญครั้งเดียว ชุดเดียว ทั่วประเทศจบไปเลย โดย 7 วิชาสามัญนี้แต่ละคณะจะสอบไม่เท่ากันนะครับ บางคณะก็สอบหมด 7 วิชา บางคณะก็สอบแค่ 3 ดังนั้น น้องๆ ต้องไปดูในระเบียบการรับตรงแต่ละมหาวิทยาลัย ว่าคณะที่เราจะเข้า เขาได้มากำหนดให้สอบวิชาไหน ส่วนมหาวิทยาลัยไหนไม่กำหนด ก็ไม่ต้องสอบ

 

มหาวิทยาลัยไหนต้องใช้คะแนน 7 วิชาสามัญนี้บ้าง

ตอบ    มีประมาณ 7 แห่งครับ ยกตัวอย่างเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (คณะอักษรศาสตร์ - คณะนิติศาสตร์ - คณะเศรษฐศาสตร์ - คณะวิทยาศาสตร์ - คณะครุศาสตร์) มหาวิทยาลัยศิลปากร (คณะอักษรศาสตร์ - คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร - คณะวิทยาการจัดการ - คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร - คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม - คณะวิทยาศาสตร์ - คณะศึกษาศาสตร์) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (คณะสหเวชศาสตร์) รับตรง กสพท. (คณะแพทยศาสตร์ - คณะทันตแพทยศาสตร์) และยังมีอีกหลายวิทยาลัยนะครับ น้องๆ อย่าลืมไปเช็คที่เว็บมหาวิทยาลัยนั้นๆ ด้วยนะ

 

ข้อสอบ 7 วิชาสามัญ ปี 2555 (สอบ ม.ค. 2555)

           - คณิตศาสตร์ คลิกที่นี่ + เฉลย คลิกที่นี่

           ฟิสิกส์ + เฉลย คลิกที่นี่

           เคมี + เฉลย คลิกที่นี่

           ชีววิทยา คลิกที่นี่

           ภาษาไทย คลิกที่นี่

           สังคมศึกษา คลิกที่นี่

           ภาษาอังกฤษ คลิกที่นี่ + เฉลย คลิกที่นี่

Cr.http://www.theactkk.net/system_news/images_upload_answer/201411141624561.jpg


Cr.https://www.youtube.com/watch?v=P4-cI4FsZ28

Cr.http://image.dek-d.com/contentimg/mint/Admission/December2011/IMG_03501.JPG





วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 5 ค่านิยม 12 ประการ



ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการตามนโยบายของ คสช.



1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 










2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม 














3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ 








4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม 










5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม 








6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน 










7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง

 








8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่ 











9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 








10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของ 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดี 






11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออ านาจฝ่ายต่ า หรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา 

12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง